ลุงปอน นี่คือ เรื่องราวของชายคนหนึ่ง
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 21 ฉบับที่ 45
ครับ...ต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่เกิดมาอย่างสามัญธรรมดา ดำเนินชีวิตมาอย่างปกติเช่นสามัญชนคนหนึ่ง
แต่มีเป้าหมายชีวิตและอุดมการณ์ที่ไม่ธรรมดา เขาเป็นบุคคลที่ จิตร ภูมิศักดิ์ นักวิชาการที่โดดเด่นของยุคสมัย ยอมรับนับถือเป็นมิตรแท้ท่านหนึ่ง และเป็นผู้จัดพิมพ์งานยุคต้นๆ ของ จิตร ภูมิศักดิ์ อย่างต่อเนื่อง เป็นนักสู้ และเป็นผู้บุกเบิกผลงานให้กับจังหวัดขอนแก่นอย่างมากมาย เป็นเจ้าของกิจการตลาดสดที่มีอุดมการณ์เหนียวแน่นมั่นคง จนเป็นแบบอย่างตลาดชั้นที่ 1 ของประเทศ
ใครๆ เรียกท่านว่า ลุงชาญ หรือ ปู่ชาญ เนียมประดิษฐ์ สุดแท้แต่วัยของผู้เรียกขาน
ลุงชาญ หรือ ปู่ชาญ เป็นสุภาพบุรุษสูงวัยที่ยังกระฉับกระเฉง แม้ในวันนี้ท่านจะอาศัยไม้เท้าช่วยเหลือการเดิน เพื่อระวังการทรงตัว แต่ท่านก็ยังแข็งแรง แม้จะผ่านการผ่าตัดบายพาสหัวใจมาเมื่อไม่นาน แต่ใบหน้ายังยิ้มแย้มสดใส บ่งบอกถึงความเมตตาที่ไม่มีขอบเขต สุ่มเสียงแม้สั่นเครือบ้างตามวัย แต่ก็มีกังวานชัดเจน ความทรงจำยังเป็นเลิศ บอกเล่าเรื่องราวชีวิตแต่หนหลังได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับ จิตร ภูมิศักดิ์
ผมจะไม่บอกเล่าเรื่องราวระหว่าง จิตร ภูมิศักดิ์ กับลุงชาญ และป้าจินตนา เนียมประดิษฐ์ มิตรสหายเก่าแก่ที่ยังเก็บความทรงจำอันสดใสต่อกันในคราวนี้ แต่จะบอกเล่าถึงงานที่ลุงชาญรักและตั้งใจอย่างมาก และดำเนินการอย่างมีขั้นตอน จนสำเร็จลงได้อย่างงดงามเมื่อวันสิ้นเดือนพฤษภาคมที่เพิ่งผ่านมานี้
งานวันเปิดโรงเรียนวัฒนธรรมและการศึกษาซีโน-ไท ที่ลุงชาญ และทายาทคนโตของท่านใช้ความพากเพียรอย่างมากที่จะเสริมความรู้ภาษาจีนให้กับเยาวชนและผู้สนใจเรียนรู้ภาษาจีนในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดภาคอีสานอื่นๆ ลุงชาญทำได้ดีทั้งองค์ประกอบของการจัดพื้นที่ นิทรรศการ และบริการแขกเหรื่อที่ไปร่วมงาน ที่น่าสนใจพิเศษคือ องค์ประกอบเกี่ยวกับประเทศจีนและวัฒนธรรมจีนที่สรรมาเป็นบรรยากาศในงาน เช่น รูปภาพและดนตรีจีน อักษรจีนโบราณ และบรรยากาศทั่วไปก็มีกลิ่นอายความเป็นจีน
ลุงชาญบอกเล่าให้ผมฟังมาแล้วหลายครั้งว่า ตลาดบางลำภู ขอนแก่น ของลุง มีเป้าหมายแน่ชัดที่จะให้เป็นตลาดสะอาด เป็นตลาดสีฟ้า เป็นตลาดปลอดบุหรี่ ตลาดปลอดสารพิษ เป็นตลาดสด เป็นตลาดสำหรับผู้คนที่ชอบช็อปปิ้ง และเป็นตลาดความรู้ ลุงชาญและทายาทค่อยๆ เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตลาด
เริ่มจากตลาดสดชั้นล่างสุด ที่มีทั้งตลาดขายผัก ตลาดกับข้าวกับปลา และอีกส่วนหนึ่งเป็นร้านขายผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวง ผลิตภัณฑ์จากดอยคำ และตลาดดอกไม้ ตลาดชั้นล่างสุดนี่เองที่มีห้องตรวจคุณภาพผัก มีเครื่องมือตรวจวัดสารพิษของผักที่นำมาขายในตลาดแห่งนี้ด้วย ผักมีสารตกค้างเจือปนจะไม่ได้รับการยินยอมให้เข้ามาขายในตลาดแห่งนี้
เป็นตลาดในภูมิภาคแห่งแรกที่มีเครื่องมือชุดนี้ เมื่อมีเครื่องมือ ก็ต้องมีนักวิชาการมาประจำ
ลุงชาญพร้อมที่จะควักกระเป๋าจ้างนักวิชาการด้วยเงินของตัวเอง
ตลาดชั้นที่สอง เป็นตลาดที่ขายคอมพิวเตอร์ และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับ ไอที คอมพิวเตอร์ และเสื้อผ้า เครื่องประดับ อุปกรณ์เสริมความสวยความงามของสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เป็นตลาดที่มีระดับสูงกว่าชั้นล่างสุด
ส่วนชั้นที่สาม เป็นตลาดวิชา และห้องสมุดสำหรับเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป ที่สนใจใฝ่หาความรู้ เวลานี้คือสถาบันการเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมจีนที่เพิ่งมีพิธีเปิดไปเมื่อเร็วๆ นี้ ในชื่อ "โรงเรียนวัฒนธรรมและภาษาจีน" ที่กล่าวถึงตอนต้นเรื่อง
ครูภาษาจีนที่สอนที่นี่ ลุงชาญและทายาทร่วมมือกับรัฐบาลจีน เชิญมาเป็นพิเศษ ครูบาอาจารย์ของโรงเรียนนี้ ผมดูหน้าตาแล้ว ล้วนแต่เป็นคนหนุ่มคนสาว ซึ่งลุงชาญบอกว่าเป็นคนหนุ่มคนสาวไฟแรง และเชี่ยวชาญทั้งภาษาและวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้งทั้งสิ้น ผมคุ้นเคยกับลุงชาญค่อนข้างมาก จึงพอจะทราบได้ว่า ในช่วงปลายชีวิตของลุงชาญมีเรื่องที่ลุงชาญสนใจมากที่สุดคือ วัฒนธรรมจ้วง ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ชาติไทยสายหนึ่งที่มีถิ่นฐานที่อยู่ในประเทศจีนตอนใต้
ผมเจอลุงชาญที่ไหน ลุงชาญจะบอกเล่าเรื่องจ้วงตลอด
เรื่องต่อมาคือ การจัดตั้งห้องสมุดของ จิตร ภูมิศักดิ์ ที่ลุงชาญใช้ความพยายามอย่างมากที่จะรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ของ จิตร ภูมิศักดิ์ มาไว้ในห้อง "จิตร ภูมิศักดิ์" ที่ชั้นสาม ของตลาดบางลำภู ขอนแก่น ให้มากที่สุด และมีกำหนดจะเปิดห้องสมุด จิตร ภูมิศักดิ์ ในเร็ววันนี้ เนื่องจากในวัยหนุ่ม ลุงชาญกับจิตร ภูมิศักดิ์ ใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก และลุงชาญกับป้าจินตนา (ภรรยาลุงชาญ) ตอนเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์เทเวศร์ ที่กรุงเทพฯ ได้จัดพิมพ์หนังสือของ จิตร ภูมิศักดิ์ และได้ให้การช่วยเหลือดูแลกันและกันมาตลอด
สิ่งที่ฝังใจของลุงชาญ ประการสุดท้าย คือต้องการให้ตลาดบางลำภู ขอนแก่น เป็นตลาดตัวอย่าง เป็นตลาดค้าขายที่สะอาด มีมาตรฐานสูง และเป็นตลาดวิชาของเด็ก เยาวชน และผู้สนใจใฝ่รู้
เวลานี้ความสำเร็จทั้ง 3 ประการ ของลุงชาญ ปรากฏให้เห็นแล้ว รอแต่วันที่จะเข้ารูปเข้ารอยอย่างสมบูรณ์เท่านั้น
ชั้นที่ 3 ของตลาดบางลำภู ขอนแก่น อีกเหมือนกัน ที่ลุงชาญควักกระเป๋าสร้างห้องประชุมขนาดใหญ่ ที่สวยงามและมีอุปกรณ์จัดประชุมอย่างเพียบพร้อม มีระบบเสียง และระบบปรับอากาศอย่างดี สำหรับกลุ่มบุคคลกลุ่มใดก็ได้ สามารถใช้ประชุมสัมมนา และทำกิจกรรมที่มีคนมากๆ ขนาด 500 คน อย่างสะดวกและสบาย
ตลาดบางลำภู ขอนแก่น มีเรื่องราวที่น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน เนื่องจากแต่เดิมเคยเป็นที่ดินของกระทรวงการคลัง ทำนองที่ดินราชพัสดุ และเคยเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2450 เมื่อมีศาลากลางจังหวัดสร้างใหม่ในปี 2508 ศาลกลางเก่าแห่งนี้ก็เลิกใช้ แต่จะถูกทุบทิ้งหรืออย่างไร ไม่ทราบได้ แต่กระทรวงการคลังได้มอบให้เป็นของเทศบาลเมืองขอนแก่นต่อมา จนกระทั่งลุงชาญได้เข้ามาเช่าช่วงและพัฒนาเป็นตลาดบางลำภู ขอนแก่น จนบัดนี้
ตลาดบางลำภู ขอนแก่น อยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีตำรวจภูธร และที่ทำการไปรษณีย์ ขอนแก่น
แม้จะมีแค่ 3 ชั้น แต่ตลาดบางลำภูมีลิฟต์แก้วทันสมัยด้วย ลิฟต์ตัวนี้ติดตั้งไว้เพื่อความสะดวกในการขนข้าวขนของหนักๆ ไปชั้นที่ 3 ของอาคาร และด้วยความจำเป็นส่วนตัวของลุงชาญเอง ที่ขึ้นลงบันไดได้ลำบากแล้ว
ผมถามลุงชาญด้วยว่า ทำไม ถึงตั้งชื่อว่า "ตลาดบางลำภู"
ลุงชาญหัวเราะเบาๆ และบอกว่า มีคนเสนอชื่อมาตั้งหลายชื่อ ไม่ลงตัวสักที ลุงชาญเลยสรุปง่ายๆ ว่า เอาชื่อที่รู้จักกันดีอยู่แล้วในสมัยนั้น คือ ตลาดบางลำภู นี่แหละง่ายดี
ครับ...ลุงชาญ เป็นคนง่ายๆ อย่างนี้ น่ารักนะครับ
วันเปิดโรงเรียนวัฒนธรรมและภาษาซีโน-ไท ลุงชาญในชุดแต่งกายที่ดูโอ่อ่า บอกเล่าอย่างภาคภูมิใจในผลงานของท่านตอนหนึ่งว่า
"วันนี้ ผมได้บรรลุเป้าหมายที่สามารถปรับสภาพตลาดสดให้ปราศจากกลิ่นอับ เหม็นสาบ ความสกปรก ตลาดบางลำภูวันนี้เป็นตลาดสีฟ้า จำหน่ายสินค้าราคาถูก เพื่อช่วยเศรษฐกิจของประชาชน ชั้นล่างเป็นตลาดขายของชำ ของสด บนลานพื้นที่สะอาด ส่วนชั้นสองเป็นตลาดค้าปลีกสินค้าเบ็ดเตล็ด ส่วนชั้นสาม ตั้งใจให้เป็นสถานที่จัดงานพิธีต่างๆ และเป็นตลาดความรู้ จึงเป็นที่ตั้งของโรงเรียนวัฒนธรรมและการศึกษาซีโน-ไท เป็นสถานศึกษาเอกชนสอนภาษาจีนที่มีคุณภาพ สร้างความรู้แก่เยาวชนและประชาชน โดยครูหนุ่มสาวไฟแรงจากประเทศจีน ประกอบกับหลักสูตรการสอนภาษาจีนกลางที่ได้มาตรฐาน เพื่อชาวต่างชาติหรือฮั่นปั้น อีกทั้งมีสัญญาสนับสนุนของสถาบันอุดมศึกษาในประเทศจีนให้เป็นแหล่งศึกษาต่อในอนาคต"
นี่คือ ชายคนหนึ่ง ที่ชื่อ ชาญ เนียมประดิษฐ์
ปณิธานของลุงชาญแจ่มชัดและแน่วแน่ น่ายกย่องไหมครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น